วันอาทิตย์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2559

องค์ประกอบของเทคโนโลยีสารสนเทศ


องค์ประกอบของเทคโนโลยีสารสนเทศ

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ องค์ประกอบของเทคโนโลยีสารสนเทศ

                    ระดับสารสนเทศแบ่งออกเป็น 3 ระดับคือ สารสนเทศระดับบุคคล สารสนเทศระดับกลุ่ม และสารสนเทศระดับองค์กร  องค์ประกอบของเทคโนโลยีสารสนเทศประกอบด้วย ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ ข้อมูล บุคลากร และขั้นตอนปฏิบัติงาน            

  ระดับสารสนเทศ


              1. ระบบสารสนเทศระดับบุคคล    เป็นระดับที่ช่วยให้แต่ละบุคคล สามารถทำงานในหน้าที่ของตนเองได้อย่าง มีประสิทธิภาพ โดยมีเครื่องคอมพิวเตอร์และโปรแกรมสำเร็จเป็นเครื่องช่วยในการทำงาน โดยที่พนักงานจะต้องเลือกใช้โปรแกรมที่เหมาะสมกับหน้าที่ของตน ซึ่งในปัจจุบันโปรแกรมก็ได้พัฒนาให้มี ความเหมาะสมกับงานเฉพาะด้านมากขึ้น เช่นโปรแกรมการจัดการฐานข้อมูล (Database ) โปรแกรมประมวลผลคำ (Word Processing ) โปรแกรมจัดทำและตกแต่งภาพ เป็นต้น ตัวอย่างเช่น พนักงานบัญชี ก็ควรที่จะเลือกใช้โปรแกรมตารางทำงานหรือโปรแกรมบัญชี  
                2. ระบบสารสนเทศระดับกลุ่ม     วัตถุประสงค์ของระบบสารสนเทศระดับกลุ่มก็คือ การใช้ทรัพยากรร่วมกัน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดไม่ว่าจะเป็นการใช้ข้อมูลร่วมกันหรือการใช้อุปกรณ์ต่าง ๆ ร่วมกันทั้งนี้ก็เพื่อสร้างประสิทธิภาพในการทำงานนั่นเอง ส่วนใหญ่แล้วระบบสารสนเทศระดับกลุ่ม เครื่องคอมพิวเตอร์จะมีการเชื่อมต่อกันเป็นระบบเครือข่ายแลน ( Local Area Network : LAN ) ทำให้มีการใช้ทรัพยากรร่วมกันได้ เป็นอย่างดี และการเก็บข้อมูลก็จะเก็บอยู่ที่ศูนย์กลางที่เรียกว่า (File Server ) เมื่อผู้ใดต้องการใช้ก็สามารถเรียกข้อมูลนั้นมาใช้ได้อย่างรวดเร็ว และเมื่อต้องมีการแก้ไขข้อมูล เมื่อผู้อื่นเรียกใช้ข้อมูลนั้นก็จะได้รับข้อมูลที่ได้รับการแก้ไขแล้วทันที นอกจากนี้ การใช้ระบบสารสนเทศระดับกลุ่มนี้ยังมีเทคโนโลยีที่สนับสนุน ในการทำงานอีก เช่น การใช้จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (E-mail ) การจัดการฐานข้อมูล การประชุมทางไกล (Video conference ) การใช้แฟ้มข้อมูลร่วมกัน เป็นต้น                 3. ระบบสารสนเทศระดับองค์กร       เปรียบเสมือนการนำเอาระบบสารสนเทศระดับกลุ่มมารวมเข้าด้วยกัน เพราะระบบสารสนเทศระดับองค์กรนี้เป็นภาพรวมของหลาย ๆ แผนกเพื่อสนับสนุนงานด้านการบริหารและการจัดการให้สะดวกยิ่งขึ้น การเชื่อมโยงเครือข่ายคอมพิวเตอร์ก็อาจจะเชื่อมเครือข่ายในระดับกลุ่มเข้าด้วยกัน แต่ระบบสารสนเทศระดับองค์กรนี้จะต้องมีระบบจัดการฐานข้อมูลเพื่อช่วยดูแลข้อมูลทั้งหมดภายในองค์กร

                                    

องค์ประกอบของระบบสารสนเทศ

1. ฮาร์ดแวร์ ( Hardware )      ฮาร์ดแวร์ คือ เครื่องคอมพิวเตอร์และหน่วยประมวลผลต่าง ๆ      ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญของระบบสารสนเทศ
2. ซอฟต์แวร์ ( Software ) 
      ซอฟต์แวร์ คือ โปรแกรมหรือชุดคำสั่งที่จะสั่งงานให้ฮาร์ดแวร์ทำงานตามที่ต้องการ ซอฟต์แวร์ แบ่งได้เป็น 2 ประเภทคือ     
1). ซอฟต์แวร์ระบบ       เป็นโปรแกรมที่สร้างขึ้นเพื่อใช้ในการควบคุมการปฏิบัติการของคอมพิวเตอร์ ที่เรียกว่า “ ระบบปฏิบัติการ (Operating System )” ซึ่งระบบปฏิบัติการนี้จะไปควบคุมการทำงานของฮาร์ดแวร์ รวมถึงการจัดสรรอุปกรณ์และทรัพยากรต่าง ๆ ภายในระบบให้ประสานกัน     2). ซอฟต์แวร์ประยุกต์         เป็นโปรแกรมที่สร้างขึ้นเพื่อการทำงานเฉพาะอย่างหรือเฉพาะด้าน เช่น ด้านการคำนวณ ด้านการจัดทำเอกสาร เป็นต้นปัจจุบันซอฟต์แวร์ได้มีการพัฒนาเจริญก้าวหน้าขึ้นมาก และสามารถหาซื้อได้ตามท้องตลาดทั่วไปเพราะมีราคาไม่สูงมากนัก แต่หากเป็นองค์กรใหญ่ ๆ แล้ว ซอฟต์แวร์ที่มีขายตามท้องตลาด ก็อาจจะทำงานได้ไม่ตรงกับลักษณะงานขององค์กรนั้น ๆ ก็อาจจะต้องจัดซื้อจากบริษัทที่ผลิตซอฟต์แวร์โดยตรง ซึ่งก็จะมีราคาแพง
3. ข้อมูล ( Data )ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ข้อมูล   
             ข้อมูล คือ ข้อเท็จจริง หรือเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับบุคคล วัตถุหรือสถานที่ ข้อมูลมีความสำคัญอย่างยิ่งเพราะใช้เป็นเครื่องช่วยในการวางแผนงานการบริหารจัดการ ถ้าข้อมูลไม่ดีก็จะก่อผลเสียต่อองค์กรอย่างยิ่ง ดังนั้นข้อมูลจะต้องมีความถูกต้อง มีความเที่ยงตรง สามารถเชื่อถือได้ มีความเป็นปัจจุบัน สามารถตรวจสอบได้ และมีความสมบูรณ์ชัดเจน
 4. บุคลากร ( People )   ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ 4. บุคลากร ( People )
                 ในที่นี้หมายรวมถึงบุคคลที่เกี่ยวข้องกับงานคอมพิวเตอร์ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นผู้ใช้ พนักงานคอมพิวเตอร์ ผู้ควบคุมระบบ โปรแกรมเมอร์ นักวิเคราะห์ระบบ จนถึงผู้อำนวยการ ศูนย์คอมพิวเตอร์ล้วนแต่เป็นองค์ประกอบที่สำคัญในความสำเร็จของระบบสารสนเทศทั้งสิ้น
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ขั้นตอนการปฏิบัติงาน

                                                  
 จะต้องมีการวางแผนให้การทำงานเป็นไปตามลำดับขั้นตอนและต่อเนื่องสัมพันธ์กันทั้งบุคลากรและเครื่องคอมพิวเตอร์ เพื่อให้ได้สารสนเทศที่มีความถูกต้องสมบูรณ์
                      

การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ


                  1. ระบบเอทีเอ็ม เป็นระบบที่อำนวยความสะดวกสบายให้แก่ผู้ใช้บริการธนาคารและเป็นตัวอย่างเทคโนโลยีสารสนเทศที่ได้รับการนำมาใช้เป็นกลยุทธ์ในการแข่งขันทางธุรกิจ เทคโนโลยีที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของระบบเอทีเอ็มก็คือ ระบบคอมพิวเตอร์ ที่รวบรวมข้อมูลบัญชีเงินฝากของลูกค้าธนาคารไว้ในฐานข้อมูลกับเทคโนโลยีสื่อสารข้อมูล ทำให้สามารถเชื่อมโยงระบบคอมพิวเตอร์ออกไปทั่วเมือง ทั่วประเทศ หรือทั่วโลกได้ ผู้ใช้บัตรเอทีเอ็มสามารถเบิกเงินจากธนาคารได้จากตู้เอทีเอ็มที่ติดตั้งอยู่ทั่วไป ทุกครั้งที่ลูกค้าใช้บัตรเอทีเอ็มจากตู้เอทีเอ็มจะมีการสื่อสารข้อมูลไปยังฐานข้อมูลกลางที่สำนักงานใหญ่ของธนาคารที่เก็บข้อมูลยอดเงินฝากและรายการฝากถอนเงินของลูกค้า ฐานข้อมูลนี้จึงมีลักษณะสำคัญที่เรียกว่าเป็นฐานข้อมูลกลาง ในความหมายที่ว่า ลูกค้ามีบัญชีเงินฝากในธนาคารแห่งนั้น ๆ จะมีข้อมูลอยู่ที่ฐานข้อมูลกลางเพียงชุดเดียว และด้วยระบบการสื่อสารข้อมูลในลักษณะเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ทำให้เข้าถึงข้อมูลได้จากระยะไกล นอกจากนี้คอมพิวเตอร์ยังช่วยจัดการประมวลผลรายการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ เช่น การฝาก การโอน และการถอน ที่เกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ เทคโนโลยีฐานข้อมูลกลางทำให้สามารถเก็บข้อมูลต่าง ๆ ไว้เพียงชุดเดียว ไม่จำเป็นต้องสำเนาหลายชุด สามารถเรียกใช้และแก้ไขได้จากระยะไกล และเมื่อมีการแก้ไขแล้วทุกคนที่เข้ามาใช้ข้อมูลในภายหลังก็จะได้รับข้อมูลที่ทันสมัย การประมวลผลอัตโนมัติด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีการสื่อสารข้อมูลในระบบเครือข่ายนี้ เป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นความสำคัญของระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ที่สามารถนำมาประยุกต์ในงานต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อองค์การและธุรกิจได้อีกมากมาย
                  2. การลงทะเบียนเรียน  การลงทะเบียนเรียนในมหาวิทยาลัย นักศึกษาแต่ละคนสามารถเลือกเรียนวิชาที่สนใจได้ แต่ต้องเป็นวิชาที่กำหนดไว้ในหลักสูตร การลงทะเบียนแต่ละวิชามีข้อจำกัดคือ จำนวนนักศึกษาแต่ละห้องมีจำนวนจำกัด ดังนั้นการลงทะเบียนจึงต้องอาศัยข้อมูลจากการประมวลผลแบบเชื่อมตรง เพื่อให้สามารถตรวจสอบการลงทะเบียนได้ทันทีว่า มีวิชาอะไรเปิดสอนบ้าง วิชาใดมีผู้สมัครเรียนเต็มแล้ว ถ้าเต็มแล้วสามารถเปลี่ยนกลุ่ม หรือวิชาอื่นใดแทนได้บ้างข้อมูลในระบบการลงทะเบียนของสถานศึกษา จะนำไปใช้ประโยชน์ในการจัดการศึกษาต่าง ๆ เช่น การจัดตารางสอน การจัดห้องสอบ การปรับปรุงข้อมูลคะแนน รวมถึงการรายงานผลต่าง ๆ                   3. การบริการและการทำธุรกรรมบนอินเทอร์เน็ต การเติบโต ของเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ทำให้มีผู้ใช้งานกันอย่างกว้างขวาง ทำให้การสื่อสารระหว่างกันบนอินเทอร์เน็ตทำได้ง่ายและมีค่าใช้จ่ายที่ต่ำกว่าระบบการสื่อสารแบบอื่น การสื่อสารที่นิยมบนอินเทอร์เน็ต ได้แก่ การรับส่งข้อมูลทำการแลกเปลี่ยน โอนย้ายแฟ้มข้อมูลระหว่างกัน การส่งอีเมล์ ตลอดจนการโต้ตอบ สื่อสารแบบส่งข้อความและการประยุกต์ในเรื่องธุรกิจอีกมากมาย เช่นระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ หรืออีคอมเมิร์ซ ( electronic commerce : e- commerce ) หรือการค้าขายบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต          นอกจากการทำการค้าบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตแล้ว บริษัท ห้างร้าน และหน่วยงานราชการต่าง ๆ ก็หันมาดำเนินกิจการ หรือให้บริการทางอินเทอร์เน็ตมากขึ้น ทำให้ผู้ใช้บริการสะดวกสบายขึ้น โรงแรมและการท่องเที่ยวเสนอบริการ และการจองเข้าพักโรงแรมหรือการซื้อตั๋วเครื่องบินผ่านทางอินเทอร์เน็ต           กรมสรรพากรเสนอบริการให้ผู้เสียภาษียื่นแบบรายการการเสียภาษีผ่านทางเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ผู้เสียภาษีสามารถยื่นแบบรายการเสียภาษีได้จากที่ทำงาน หรือที่บ้าน ทำให้ลดปัญหาเรื่องการเดินทางและการจราจรได้มากบริษัทและหน่วยงานทางธุรกิจจำนวนมากใช้ระบบการแลกเปลี่ยนข้อมูลกันทางอิเล็กทรอนิกส์เช่นการส่งใบสั่งซื้อสินค้าในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์การตรวจสอบรายการสินค้าตามห้างร้านค้าปลีกแบบออนไลน์การโต้ตอบธุรกรรมต่างๆทำให้ลดการใช้กระดาษและทำให้การดำเนินการเป็นไปด้วยความรวดเร็วลดค่าใช้จ่ายโดยรวมเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินการ 




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น